เมนู

หม่อมฉันทั้งหลายเผากิเลสทั้งหลายแล้ว
.... คำสอนของพระพุทธเจ้า หม่อมฉันทั้งหลาย
ทำเสร็จแล้ว.

ทราบว่า ภิกษุณีหนึ่งหมื่นมีพระยโสธราเถรีเป็นประธาน ได้กล่าว
คาถาเหล่านี้ เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้แล.
จบทสสหัสสเถรีอปทาน

อัฏฐารสหัสสเถรีอปทานที่ 10 (30)


ว่าด้วยบุพจริยาของพระเถรี 18,000 รูป


[170] ภิกษุณีที่มีสมภพในศากิยสกุล
18,000 มีพระยโสธราเถรีเป็นประธาน เข้าเฝ้า
พระสัมพุทธเจ้า ภิกษุณีทั้ง 18,000 ล้วนแต่ผู้มี
ฤทธิ์ ถวายบังคมพระยุคลบาทแห่งพระมุนี ได้
กราบทูลตามกำลังว่า
ข้าแต่พระมหามุนีผู้นายก หม่อมฉัน
ทั้งหลายมีชาติ ชรา พยาธิและมรณะสิ้นแล้ว
ย่อมถึงอมตบทอันสงบ ไม่มีอาสวะ ข้าแต่พระ
มหามุนีผู้เป็นนายกชั้นพิเศษ ประชาชนย่อมรู้
ความผิด คือ ความพลั้งพลาดที่มีในก่อนของ
หม่อมฉันทั้งปวง ขอพระองค์โปรดประทานอภัย
โทษแก่หม่อมฉันทั้งหลายเถิด.

พระบรมศาสดาตรัสว่า
ท่านทั้งหลายเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอน
ของเรา จงแสดงฤทธิ์และตัดความสงสัยของ
บริษัททั้งมวลเถิด.
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า พระยโสธราเถรี
ผู้เป็นปชาบดีแห่งพระองค์ เมื่อยังดำรงอยู่ใน
อาคารวิสัย เป็นที่พอพระทัย น่ารัก น่าชมทุกอย่าง
เป็นหัวหน้าแห่งสตรี 169,000 ข้าแต่พระองค์ผู้มี
ความเพียร หม่อมฉันทั้งหลายนั้นเป็นใหญ่กว่า
ทั้งสิ้น สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติและอาจาร-
สมบัติ ดำรงอยู่ในความเจริญ มีวาจาเป็นที่รัก
สตรีทั้งปวงย่อมเคารพเหมือนพวกมนุษย์เคารพ
เทวดาฉะนั้น
สตรีที่มีสมภพในศากิยวงศ์ 18,000 มี
พระยโสธราเถรีเป็นประมุขเป็นใหญ่.
ข้าแต่พระมหามุนี พระยโสธราเถรีมีรูป
ล่วงรูปในกามธาตุ ดำรงอยู่ในรูปธาตุ สตรีหนึ่ง
พันมิได้มีคนไหนมีรูปเหมือนพระเถรีนั้น
ท่านพระยโสธราเถรีจงถวายอภิวาทพระ-
สัมพุทธเจ้าแสดงฤทธิ์ถวายเถิด ภิกษุณีมีพระยโส
ธราเถรีเป็นต้นนั้นแสดงฤทธิ์ชนิดต่าง ๆ เป็นอัน
มาก

แสดงเป็นนกมีกายเท่าภูเขาจักรวาล
แสดงศีรษะเท่าอุตตรกุรุทวีป แสดงปีกสองข้าง
เท่าทวีปทั้งสอง แสดงสรีระเท่ากับชมพูทวีป
เปล่งเสียงดังกังวานไพเราะ มีขนหาง
เป็นพวง มีกลีบสีต่าง ๆ มีนัยน์ตาเท่าดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์ มีหงอนเท่าภูเขาเมรุ
มีหน้าเท่าภูเขาจักรวาล ถอนเอาต้นหว้า
พร้อมทั้งราก ทำเป็นพัดเดินเข้ามาถวายบังคม
พระโลกมายา แสดงเป็นเพศช้างเพศม้า ภูเขา
ทะเล ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์เขาเมรุและเพศ
ท้าวสักกเทวราช.
ข้าแต่พระวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ เป็นนายก
ของนรชน พระยโสธาเถรีและหม่อมฉันทั้งหลาย
ขอถวายบังคมพระยุคลบาท เป็นผู้สำเร็จแล้วด้วย
กุศลกรรมที่อบรมมานานเพื่อพระองค์
ข้าแต่พระมหามุนีหม่อมฉันทั้งหลายเป็น
ผู้มีความชำนาญในฤทธิ์ มีความชำนาญในทิพโสต
ธาตุ มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ รู้ปุพเพ-
นิวาสญาณและทิพยจักษุอันหมดจดวิเศษ มีอาสวะ
ทั้งปวงหมดสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันทั้งหลาย
มีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติและปฏิภาณเกิดขึ้น

แล้วในสำนักของพระองค์ หม่อมฉันทั้งหลาย
แสดงความพร้อมเพรียงแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้เป็นนายกของโลก.
ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็นอันมาก
ของหม่อมฉันทั้งหลาย ย่อมเป็นประโยชน์แก่
พระองค์
ขอพระองค์ทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่า
ของหม่อมฉันทั้งหลายเถิด ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า
หม่อมฉันทั้งหลายสั่งสมบุญ ก็เพื่อประโยชน์แก่
พระองค์
หม่อมฉันทั้งหลายงดเว้นอนาจารในสถาน
ที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์แก่
พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
หม่อมฉันทั้งหลาย เพื่อต้องการให้เป็นภรรยาของ
ผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
หม่อมฉันทั้งหลายมิได้เสียใจ.
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
หม่อมฉันทั้งหลายเพื่ออุปการะผู้อื่นหลายพันโกฏิ
กัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันทั้งหลาย
มิได้เสียใจในเรื่องนี้เลย

ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
หม่อมฉันทั้งหลาย เพื่อประโยชน์เป็นอาหารหลาย
พันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉัน
ทั้งหลาย มิได้เสียใจในเรื่องนี้เลย
หม่อมฉันทั้งหลายยอมสละชีวิตทำความ
พ้นภัยแก่พระองค์หลายพันโกฏิกัป.
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันทั้งหลาย
ไม่เคยหวงเครื่องประดับ และผ้ามาชนิดซึ่งอยู่
ที่ตัว และภัณฑะคือตัวหญิงเพื่อประโยชน์แก่
พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนีมหาวีรเจ้า ทรัพย์
ข้าวเปลือก ปัจจัยเครื่องบริจาค บ้าน นิคม
ที่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี ภรรยา
มานับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้ว เพื่อ
ประโยชน์แก่พระองค์
พระองค์ตรัสบอกหม่อมฉันทั้งหลายว่า
เราทั้งหลายจักให้ทานกะพวกยาจก เมื่อเราให้ทาน
อันอุดม เราทั้งหลายก็ไม่เห็นความเสียใจกัน.
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันทั้งหลาย
ยอมรับทุกข์มากมายหลายอย่างนับไม่ถ้วน ใน
สงสารเป็นอเนก เพื่อประโยชน์แต่พระองค์
หม่อมฉันทั้งหลายได้รับความสุข ย่อม
อนุโมทนา และในคราวได้รับทุกข์ก็ไม่เสียใจ

เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่ง เพื่อประโยชน์แก่
พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรง
แสดงธรรมโดยบรรดาอันสมควรเสวยสุขทุกข์แล้ว
ได้บรรลุซึ่งโพธิญาณ
หม่อมฉันทั้งหลายได้ร่วมกับพระสัมพุทธ
เจ้าพระนามว่าโคดม ผู้เป็นนายกของโลก เป็น
เทพผู้ประเสริฐ มาเป็นอันมาก พระองค์ก็ได้
ร่วมกับพระสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ ผู้เป็นนาถะ
ของโลกมาเป็นอันมาก
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า อธิการของหม่อม
ฉันทั้งหลายมีมากเพื่อประโยชน์แกพระองค์ เมื่อ
พระองค์ทรงแสวงหาพุทธรรมอยู่ หม่อนฉันทั้ง-
หลายก็ยอมเป็นบริจาริการับใช้พระองค์
ในสี่อสงไขยแสนกัป พระพุทธเจ้าพระ
นามว่าทีปังกร เป็นพระมหาวีระ เป็นนายกของ
โลก เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ประชาชนในปัจจันตประเทศมีใจยินดี
นิมนต์พระตถาคตเจ้าแล้ว ช่วยกันแผ้วถางหนทาง
เป็นที่เสด็จพระพุทธดำเนิน
กาลครั้งนั้น พระองค์เป็นพราหมณ์
นามว่าสุเมธ ตกแต่งหนทางยาว เพื่อพระสุคตเจ้า
ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง

คราวนั้น หม่อมฉันทุกคนมีสมภพใหญ่
สกุลพราหมณ์ ถือดอกบัวเป็นอันมากนำไปสู่
สมาคม
สมัยนั้น พระพุทธเจ้าทีปังกรผู้มีบริวาร
ยศมาก เป็นพระมหาวีระ ทรงพยากรณ์สุเมธฤาษี
ผู้มีมนัสสูง เมื่อพระพุทธทีปังกรกำลังทรงประกาศ
กรรมาของสุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูง แผ่นดินหวั่นไหว
สะเทื้อนสะท้านไปในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
พวกเทพกัญญา มนุษย์ และหม่อมฉัน
ทั้งหลายกับเทวดา พากันบูชาพระองค์ผู้เป็น
สุเมธาฤาษีด้วยสิ่งของสิ่งของที่ควรบูชาต่าง ๆ แล้วก็
ปรารถนา
พระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ทรง
พยากรณ์แก่เขาเหล่านั้นว่า ในวันนี้ ชนเหล่าใด
มีความปรารถนา ชนเหล่านั้นจักมีในที่เฉพาะหน้า
ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้
พระพุทธองค์เจ้าทรงพยากรณ์หม่อมฉัน
ทั้งหลาย ด้วยพระวาจาใด หม่อมฉันทั้งหลาย
เมื่ออนุโมทนาวาจานั้น เป็นผู้ทำกรณียกิจ
อย่างนี้.
หม่อมฉันทั้งหลายยังจิตใจให้เลื่อมใสใน
กุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้น จึงได้เสวยสมบัติใน
กำเนิดเทวดาและมนุษย์นับไม่ถ้วน ครั้นได้เสวย

สุขและทุกข์ในเทวดาและมนุษย์ ในภพนี้
ซึ่งเป็นภพหลัง จึงมาเกิดในศากิยสกุล
มีรูปสมบัติ โภคสมบัติ ยศและศีล
สมบูรณ์ด้วยองคสมบัติทั้งปวง ได้รับสักการะ
อย่างยิ่งในสกุลทั้งหลาย
มีลาภ สรรเสริญ และสักการะ พรั่ง
พร้อมไปด้วยโลกธรรม มีจิตไม่ประกอบด้วยทุกข์
ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ สมจริงตามดำรัสที่พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ในกาลนั้น ยโสธรานารี แสดงอุปการะ
ทั้งในภายในราชฐานและแก่พวกเจ้าในพระนคร
มีอุปการะทั้งในยามสุขและในยามทุกข์
เป็นผู้บอกประโยชน์ให้ และทำความอนุเคราะห์
แก่เหล่านารี ควรประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต
ไม่ควรประพฤติธรรมให้เป็นทุจริต เพราะว่า
บุคคลผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้
และโลกหน้า.
หม่อมฉันทั้งหลายละอาคารสถานออกบวช
ยังไม่ทันถึงครึ่งเดือนก็บรรลุจตุราริยสัจ คนเป็น
อันมากนำจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัช
ปัจจัยมาถวาย เหมือนลูกคลื่นในทะเล

หม่อมฉันทั้งหลายเผากิเลสทั้งหลายแล้ว
. . . คำสอนของพระพุทธเจ้า หม่อมฉันทั้งหลาย
ได้ทำเสร็จแล้ว หม่อมฉันทั้งหลายได้ทุกขวิบัติ
มากอย่าง และสุขสมบัติก็มากอย่างเช่นนี้ ถึง
พร้อมแล้วซึ่งความเป็นผู้บริสุทธิ์ สมบูรณ์ด้วย
คุณทั้งปวง
บุคคลผู้ถวายตนของตนแก่พระพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เพื่อประโยชน์แก่บุญ
ก็ย่อมพรั่งพร้อมไปด้วยสหาย ลุถึงนิพพานบทอัน
เป็นอสังขตะ
ธรรมทั้งปวงส่วนอดีตปัจจุบันและอนาคต
ของหม่อมฉันทั้งหลายหมดสิ้นไปแล้ว ข้าแต่พระ-
องค์ผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันทั้งหลายขอถวายบังคม
พระยุคลบาท
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
เมื่อเธอทั้งหลายบอกลาเพื่อจะนิพพาน
เราจะกล่าวอะไรให้ยิ่งกะเธอทั้งหลายเล่า บุคคล
ผู้มีโทษอันปัจจัยปรุงแต่งสงบแล้ว ก็ลุถึงอมตบท
แล้ว.

ทราบว่า ภิกษุณีหนึ่งหมื่นแปดพันมีพระยโสธราเถรีเป็นหัวหน้า ได้
กล่าวคาถาเหล่านั้นในที่เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้
แล.
จบอัฏฐารสสหัสสเถรีอปทาน

รวมอปทานที่มีในวรรค

นี้ คือ
1. กุณฑลเกสีเถรีอปทาน 2. กิสาโคตมีเถรีอปทาน 3. ธรรม-
ทินนาเถรีอปทาน 4. สกุลาเถรีอปทาน 5. นันทาเถรีอปทาน 6. โสณา-
เถรีอปทาน 7. ภัททกาปิลานีเถรีอปทาน 8. ยโสธราเถรีอปทาน 9. ทส-
สหัสสเถรีอปทาน 10. อัฏฐารสสหัสสเถรีอปทาน
บัณฑิตคำนวณคาถาได้ 478 คาถา.
จบกุณฑลเกสวรรคที่ 3